NaMieaMuroFinalSpace.com

วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ธุรกิจและการสื่อสาร

ต้นกำเนิดของ AI จุดเริ่มต้นจากแนวคิดสู่เทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลก

ทุกวันนี้คำว่า AI กลายเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย ไม่ว่าจะอยู่ในแอปพลิเคชันในมือถือ ระบบแนะนำสินค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแม้แต่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนเองได้ แต่หากย้อนกลับไปในจุดเริ่มต้น เทคโนโลยีอันซับซ้อนนี้ไม่ได้ถือกำเนิดจากคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ หากแต่เกิดจากแนวคิดพื้นฐานทางคณิตศาสตร์และปรัชญาที่คนกลุ่มหนึ่งเริ่มตั้งคำถามเมื่อหลายสิบปีก่อนว่า มนุษย์สามารถสร้างเครื่องจักรที่ “คิด” ได้จริงหรือไม่

แนวคิดเรื่องปัญญาประดิษฐ์มีรากฐานจากช่วงปลายทศวรรษ 1940 และต้นยุค 1950 โดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่างอลัน ทัวริง ได้เสนอแนวคิดว่าเครื่องจักรสามารถเลียนแบบกระบวนการคิดของมนุษย์ได้ ทัวริงเสนอแบบทดสอบหนึ่งที่เรียกว่า Turing Test เพื่อวัดว่าเครื่องสามารถสื่อสารและตอบโต้ได้คล้ายมนุษย์หรือไม่ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดด้าน AI ที่ยังคงใช้เป็นเกณฑ์ในบางส่วนมาจนถึงปัจจุบัน

คนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ตั้งชื่อให้กับ AI อย่างเป็นทางการคือจอห์น แมคคาร์ธี นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งในปี 1956 เขาได้จัดประชุมที่มหาวิทยาลัยดาร์ตมัธ พร้อมเสนอคำว่า Artificial Intelligence ขึ้นเป็นครั้งแรก แนวคิดในตอนนั้นคือการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถเรียนรู้ แก้ปัญหา และตัดสินใจได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเขียนคำสั่งแบบตายตัวไว้ล่วงหน้า

แม้แนวคิดดูน่าตื่นเต้น แต่การพัฒนา AI ในยุคแรกไม่ได้ง่ายอย่างที่หวัง ข้อจำกัดด้านความเร็วของคอมพิวเตอร์และขนาดของหน่วยความจำทำให้ระบบไม่สามารถเรียนรู้หรือจำข้อมูลได้มากพอ ระยะเวลาหลายสิบปีที่ตามมาจึงเป็นช่วงที่นักวิจัยต้องทดลองและล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลายโครงการไม่ได้ผลตามที่ตั้งใจ บางช่วงเวลาถึงขั้นที่นักลงทุนและมหาวิทยาลัยตัดงบสนับสนุน เพราะมองว่า AI ไม่สามารถพัฒนาได้จริง

จุดเปลี่ยนสำคัญเริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เมื่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์มีพลังประมวลผลสูงขึ้น และข้อมูลจากผู้ใช้งานทั่วโลกเริ่มถูกเก็บในปริมาณมหาศาล ข้อมูลเหล่านี้กลายเป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้ได้ดีขึ้นแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พร้อมกับการกลับมาของแนวคิด Machine Learning ซึ่งเป็นการออกแบบให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้จากข้อมูล แทนที่จะต้องเขียนโปรแกรมทุกบรรทัด

จากนั้นเทคโนโลยี Deep Learning ได้เข้ามาเสริมให้ AI มีความสามารถมากขึ้น โดยเฉพาะการรู้จำเสียง ภาพ และภาษามนุษย์ ด้วยโครงข่ายประสาทเทียมที่เลียนแบบสมองของมนุษย์ ปัจจุบันโมเดลภาษาขนาดใหญ่และระบบรู้จำภาพอัจฉริยะที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน ล้วนเป็นผลลัพธ์ของการพัฒนาแนวคิดเหล่านี้อย่างต่อเนื่องนับสิบปี

AI จึงไม่ใช่ผลงานของคนเพียงคนเดียว แต่เป็นผลรวมจากความพยายามของนักคิดหลายรุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ละคนมีบทบาทในการเติมเต็มอีกคนหนึ่งให้แนวคิดก้าวไปไกลยิ่งขึ้น และเมื่อผนวกกับเทคโนโลยีที่พร้อมในยุคนี้ โลกจึงได้เห็น AI ที่กลายเป็นผู้ช่วย พนักงาน นักวิเคราะห์ หรือแม้แต่นักสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพไม่แพ้มนุษย์

AI ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ค่อยๆ เติบโตจากความฝันของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มเล็กๆ ที่เชื่อว่าเครื่องจักรสามารถคิดเองได้ จนกลายมาเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยขับเคลื่อนโลกทุกวันนี้ การเข้าใจต้นกำเนิดและวิวัฒนาการของ AI ช่วยให้เราตระหนักว่าทุกก้าวเล็กๆ ในอดีตคือรากฐานของความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ยังคงดำเนินต่อไป